誰を愛したらいいか
愛情は選べるものですが、
忘れてはいけないのは「愛している相手です」何故ならば自分の身近にある大切な人を見逃してしまうかもしれないからです。
ある大金持ちの人がいました。その人は4人の妻がいます。
彼は4番目の妻を1番愛しています。次に愛しているのは3番目 2番目 1番目…。
そしていつも4番目の妻を大切にしています。
ある日大金持ちの人が年をとって死にそうな日に4番目の妻にこう質問しました。
「俺が死んだらお前もついて行くか…?」
妻が答えました
「え?行きませんよ…。1人で行って下さい…。」
大金持ちの人がとても悲しみ同じ質問を3番目の妻に聞きました。
「え?どんなに愛していても一緒に死ぬことは出来ないですよ。」
再び悲しみました。
そしてまた同じ質問を2番目の妻に聞きました。
彼女も同じように答えました。
とてもとても悲しみあまり面倒も見ず大切にしていない1番目の妻に聞きました。
大金持ちの人はあまり期待はしていませんでしたが、1番目の妻はこう答えました。
「私達は最初っから今まで辛い時も一緒に乗り越えて来たし、
幸せなときも一緒にいたのでこれからもずっと死んでも一緒に行きますよ。」
そしてその時初めて本当の愛人を知りました。
4人の妻は
1人目は「心」
2人目は「体」
3人目は「家」
4人目は「洋服や化粧品」
1番目以外はそうゆう目当てだったのです。
結論は、妻を選ぶ時面倒や世話をする時心で選びましょう。
今まで話していた大金持ちの人と同じ結果になってしまうでしょう。
それは本当の自分の大事なものを見逃してしまうのです。
この時代の人々もこれと同じく本当の自分の大事なものを分かってなく、
家 服などの周りのものを大事にしているが、
本当の大事なものは「自分の心である」
จะรักใครดี
ความรัก...เป็นสิ่งหนึ่งในชีวิตที่เรามีสิทธิ์เลือก เราจะรัก หรือไม่รักใครก็ได้
จะรักมาก รักน้อย รักอย่างไรก็ได้ แต่อย่างน้อย...อย่าลืม...คนที่เราควรจะรัก
เพราะบางครั้ง เราอาจมองข้ามเขาไป ทั้งที่เขาอยู่ใกล้ๆ เรานี่เอง
มีเรื่องราวความรักของเศรษฐีผู้หนึ่งซึ่งมีภรรยา ๔ คน
เขารักภรรยาคนที่ ๔ มากที่สุด รองลงมา คือคนที่ ๓, ๒ และ ๑ ตามลำดับ
ดังนั้นภรรยาคนที่ ๔ ซึ่งเป็นคนล่าสุด สาวที่สุดจึงได้รับความเอาใจใส่ และให้ความสำคัญมากกว่าคนอื่นๆ
ต่อมา เมื่อเศรษฐีแก่ชราลง เขาอยากจะรู้ว่า ในบรรดาภรรยาทั้ง ๔ คนนี้ ใครบ้างที่รักเขาจริง
เศรษฐีจึงเรียกภรรยาคนที่ ๔ มาถามว่า
“นี่น้อง อีกไม่นานพี่คงต้องตาย หากพี่ตายไป พี่อยากจะชวนน้องไปอยู่ด้วย
เพราะพี่รักน้องมากที่สุด น้องจะไปด้วยได้ไหม”
ภรรยาคนที่ ๔ ก็ตอบว่า
“จะบ้าหรือพี่มีใครที่ไหน ที่จะตามคนตายไป พี่ไปของพี่ก่อนเถอะนะ น้องไม่ไปด้วยหรอก”
เศรษฐีผิดหวังอย่างหนัก เสียใจอย่างมากเมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น
จึงหันไปถามภรรยาคนที่ ๓ ด้วยคำถามเดียวกัน
ภรรยาคนที่ ๓ ก็ตอบว่า
“พี่เป็นอะไรไป ถึงคนรักกันปานใด ก็ไม่มีใครยอมตายตามไปด้วยหรอก เชิญพี่ตายไปก่อนเถิดนะ”
เศรษฐีต้องเสียใจซ้ำสอง คิดว่าคนที่รักรองลงมาจะตามไปด้วย ก็ผิดหวังอีก
จึงหันไปถามภรรยาคนที่ ๒ ภรรยาคนที่ ๒ ก็ตอบปฏิเสธในทำนองเดียวกัน
ทำให้เศรษฐีผิดหวังมากยิ่งขึ้น จึงหันไปถามคนสุดท้าย
ซึ่งเขาไม่ค่อยจะดูแลเอาใจใส่นัก ทั้งไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่
จึงถามไปอย่างไม่คาดหวังอะไรแต่ภรรยาคนที่ ๑ กลับตอบว่า
“เราอยู่กันมาตั้งแต่ต้น ยามสุขก็สุขด้วยกัน ยามทุกข์จะทอดทิ้งกันได้อย่างไร
ถ้าพี่ตายไป น้องก็จะขอตามไปด้วย”
ในที่สุด เศรษฐีจึงได้รู้ว่า ภรรยาคนที่ ๑ ซึ่งเขาไม่เคยให้ความสำคัญเลยนั้น
กลับเป็นผู้ที่รักเขาอย่างจริงใจ และมีน้ำใจจะติดตามปรนนิบัติเขาไปทุกหนทุกแห่ง
ส่วนภรรยาผู้ที่เขาทุ่มเทความรักให้อย่างมากมาย กลับมิได้สนใจใยดีในตัวเขาเลย
ถึงตอนนี้ ลองคิดดูให้ดีสิว่าเศรษฐีผู้นี้ คือ ใคร
แท้จริงแล้ว เขามิใช่คนอื่นคนไกล คือ...ตัวเรานั่นเอง
เราทุกคน ต่างเปรียบได้กับเศรษฐีที่มี ภรรยา ๔ คน โดยที่...
คนที่ ๑ คือ จิตใจ
คนที่ ๒ คือ ร่างกาย
คนที่ ๓ คือ บ้านเรือน สมบัติพัสถาน
คนที่ ๔ คือ เสื้อผ้า เครื่องประดับ
บางคนอาจจะเป็นเช่นเศรษฐี ผู้ซึ่งไม่รู้ว่าควรจะรักใคร
ดังจะเห็นได้จาก...บ้างก็มัวแต่เอาใจใส่ให้เวลากับเรื่องเสื้อผ้า เครื่องประดับ
บ้างก็เฝ้าหวงแหนทรัพย์ ดูแลบ้านเรือนสมบัติพัสถาน
บ้างก็เฝ้าทะนุถนอมบำรุงรักษา แต่เพียงร่างกาย
โดยหารู้ไม่ว่า ตราบใดที่ยังไม่ดูแลรักษาจิตใจ
ย่อมเปรียบได้กับเศรษฐีผู้มองข้ามภรรยาคนที่ควรจะรักมากที่สุดไป
แต่สำหรับผู้ที่หมั่นดูแลรักษาจิตใจนั้น
ย่อมเปรียบได้กับเศรษฐีผู้รู้ว่า...รักคนที่เขารักเราดีกว่านั่นเอง
นี่คือชีวิตที่เราเลือกได้ว่าจะทุ่มเทความรักให้กับสิ่งใด
ระหว่างของชั่วคราวอันน่าหลงใหลกับจิตใจซึ่งจะติดตามเราไปตลอดกาล
Comments
Post a Comment